สำหรับใครที่มีริมฝีปากที่บาง ไม่อวบอิ่ม หรือใครที่เริ่มมีริ้วรอยบริเวณริมฝีปาก และบริเวณขอบปาก ทำให้เวลาที่ทาลิปสติกออกมาแล้วอาจมาดูดีเท่าที่ควร นั่นเป็นเพราะว่าเกิดร่องของเนื้อลิปสติกนั่นเอง
การทำฟิลเลอร์ปากจะมาช่วยแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้ โดยการทำฟิลเลอร์ปากจะทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มมากขึ้น และทำให้ปากดูมีเสน่ห์เป็นรูปทรงกระจับ แต่การจะเลือกทำฟิลเลอร์เราก็ควรจะต้องเลือกดี ๆ ว่าควรจะเลือกรุ่นไหน และอีกเรื่องหนึ่งที่ควรต้องรู้ก็คือ ถ้าฉีดมาแล้วสามารถแก้ไขได้ไหม ในบทความนี้เราจะมาแนะนำว่าควรจะเลือกฟิลเลอร์รุ่นไหน และอธิบายให้ฟังว่าถ้าฉีดแล้วไม่ถูกใจจะแก้ไขได้อย่างไร
ฟิลเลอร์ปาก เลือกรุ่นไหนดี?
ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกยี่ห้อไหนดี เราขอแบ่งความต้องการของแต่ละคนออกเป็น 2 ประเภทก็คือ คนที่ต้องการปากสวยแบบเป็นธรรมชาติ และอีกประเภทคือ คนที่ต้องการให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน พร้อมกับริมฝีปากที่ดูอวบอิ่มเซ็กซี่
สำหรับคนที่ต้องการให้ปากสวยแบบธรรมชาติ จะขอแนะนำ 4 รุ่น
- Juvederm volift ปากสวยดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน อยู่ได้ประมาณ 12 เดือน
- Restylane volyme รุ่นนี้คล้ายกับ Juvederm-volift แต่สามารถอยู่ได้นานกว่า โดยอยู่ได้ประมาณ 18 เดือน
- Restylane vital light เหมาะกับใครที่ต้องการแก้ไขปัญหาริมฝีปากแห้ง ให้กลับมาชุ่มชื้น โดยที่ไม่ได้ต้องการเติมปาก อยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน
- Juvederm volite คล้ายกับรุ่น Restylane vital light แต่จะอยู่ได้นานถึง 6-8 เดือน
สำหรับคนที่ต้องการให้ปากเซ็กซี่ อวบอิ่ม จะขอแนะนำ 2 รุ่น
- Juvederm ultraplus ฟิลเลอร์ปากนี้จะช่วยให้ริมฝีปากดูฟู เหมาะกับใครที่ต้องการมีริมฝีปากอวบอิ่มแบบฝรั่ง อยู่ได้นาน 1 ปี แต่ในช่วง 4-6 เดือนแรกอาจจะคลำเจอฟิลเลอร์นิ่ม ๆ ได้
- Juvederm voluma เป็นรุ่นที่มีเนื้อค่อนข้างแน่น อยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน และกอาจจะคลำเจอฟิลเลอร์นิ่ม ๆ ในช่วง 1 ปีแรก
ฉีดฟิลเลอร์ปากมาแล้ว จะแก้ไขอย่างไร?
การฉีดฟิลเลอร์ปากจะไม่เป็นอันตรายถ้าฟิลเลอร์ที่ฉีดนั้นเป็นของแท้ ผ่านการรับรองจาก อย. ซึ่งฟิลเลอร์แท้จะสามารถฉีดสลายได้ด้วย เอ็นไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase : HYAL) ในกรณีที่ทำฟิลเลอร์มาแล้วรู้สึกไม่ถูกใจเท่าไหร่ โดยเมื่อฉีดไปแล้วจะเห็นผลดังนี้
- จะเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงในช่วง 15-20 นาทีแรก ฟิลเลอร์จะเริ่มสลายไปประมาณ 60-70%
- หลังจากผ่านไปแล้ว 2 วัน จะเริ่มเห็นผลที่ชัดเจนขึ้น ฟิลเลอร์จะยุบตัว และจะสลายการเป็นน้ำซึมไปตามผิวหนัง
- หลังจากนั้นแพทย์จะมีการนัดติดตามผลหลังการฉีดสลายฟิลเลอร์ เพื่อตรวจสอบดูว่าฟิลเลอร์ได้สลายไปหมดหรือยัง ยังมีก้อนอยู่ไหม ถ้าหากยังมีอยู่แพทย์จะพิจารณาเพื่อทำการฉีดสลายฟิลเลอร์เพิ่มตามความเหมาะสม
ซึ่งแต่ละเคสจะมีจำนวครั้งที่ฉีดสลายฟิลเลอร์ที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปริมาณฟิลเลอร์เดิมที่เคยฉีด โดยสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ทั่วไปแล้ว จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์อยู่ที่ 1-2 cc
วิธีดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
หลังฉีดฟิลเลอร์ปากมาแล้ว อาจมีอาการบวมบ้างเล็กน้อย จึงต้องมีวิธีดูแลตัวเองเพื่อลดอาการบวม และให้ปากมีทรงที่สวยอยู่กับเราได้นานขึ้น ซึ่งมีวิธีดีงนี้
- เลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดให้น้อยที่สุด
- ห้ามลอกริมฝีปาก เพราะการลอกริมฝีปากจะทำให้ผิวเก็บกักน้ำและความชุ่มชื้นไว้ได้น้อยลง
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงเครื่องดื่มร้อน ๆ เพราะอาจเกิดทำให้ปากเกิดอาการบวมหรืออักเสบ
- 12 ชั่วโมงแรกหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ ควรงดใช้หลอดดูดน้ำ งดทาลิปสติก และงดสูบบุหรี่
- ดื่มน้ำมาก ๆ เพราะการดื่มน้ำจะทำให้ฟิลเลอร์ฟูขึ้น และอยู่ได้นานขึ้น
สำหรับใครที่กำลังสนใจที่จะฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถรับคำปรึกษาได้ที่ Fiora Clinic เพราะเราดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รักษามาแล้วหลากหลายเคส รวมไปถึงในเรื่องเครื่องมือการรักษา ที่ถูกต้องตามมาตรฐานทุกอย่าง ไว้วางใจได้แน่นอน