Gentle Yag ใช้บริเวณไหน?

สามารถใช้ Gentle Yag ได้ทั่วหน้าหรือบริเวณที่ต้องการรักษา โดยการทำจะไม่รู้สึกเจ็บ หรืออาจเกิดอาการแสบร้อนเล็กน้อยขณะทำการรักษา อย่างไรก็ตาม จะไม่ทำให้เกิดบาดแผลหลังทำเสร็จ และไม่ก่อให้เกิดการทำลายผิวหนังชั้นนอก ซึ่งถ้าต้องการทำ Gentle Yag ให้เห็นผลชัดเจนมากที่สุด ควรทำ 5 ครั้งขึ้นไป โดยจะใช้เวลาทำครั้งละประมาณ 30 นาที ต่อครั้ง และแต่ละครั้งควรทำห่างกัน 1 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของผิว

Gentle Yag เหมาะกับใคร?

Gentle Yag เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขสภาพผิว ที่ไม่สม่ำเสมอ มีริ้วรอย และรอยเหี่ยวย่น ตลอดจนผู้ที่ต้องการกำจัดขนที่มากเกินไป ให้เรียบเนียนทั่วกาย โดยการทำ Gentle Yag จะทำให้ผิวเรียบเนียน ลดริ้วรอย ให้ผิวกลับมาเต่งตึงดูอ่อนเยาว์ขึ้น รวมถึงทำให้ขนเส้นเล็กลง บางลง อ่อนนุ่มขึ้น ทั้งนี้ ควรทำ Gentle Yag ซ้ำหลายๆ ครั้งเพื่อให้เห็นผลชัดเจนในระยะยาว

ทำไมต้องทำ Gentle Yag ที่ Fiora Clinic?

การทำ Gentle Yag จำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ และควรอยู่ในความดูแลของแพทย์  ที่ Fiora Clinic เรามีคุณหมอผู้เชี่ยวชาญในการทำ Gentle Yag มีประสบการณ์รักษามากกว่า 5,000 เคส เป็นเจ้าของวุฒิบัตรเฉพาะทางการฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ จากสหรัฐอเมริกา และได้รับ Certificate หลายใบจากผู้ผลิต เมโส, ฟิลเลอร์ และโบท็อกซ์  ลูกค้าทุกท่านสามารถมั่นใจได้ว่ามาที่ Fiora Clinic ปลอดภัยและได้คุณภาพอย่างแน่นอน 

การดูแลหลังบริการ Gentle Yag

หลังการทำ Gentle Yag  บริเวณที่ทำอาจมีรอยแดงบนผิวหลังทำ แต่ผิวจะคืนสภาพภายใน 1-2 วัน ซึ่งผู้รับบริการควร ทำตามข้อปฏิบัติในการดูแลตนเองดังต่อไปนี้

1. เลี่ยงการโดนแดดจัดๆ ประมาณ 1-3 สัปดาห์ 
2. ควรทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกข้างนอก ซึ่งครีมกันแดดที่แนะนำควรมีค่า SPF 30 ขึ้นไป
3. เลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของ BHA, AHA หรือ Vitamin หลังทำเป็นระยะเวลา 1 วัน
4. สามารถประคบเย็นบริเวณที่ทำเลเซอร์ได้เพื่อให้รู้สึกสบายผิวขึ้นได้